ความหมายของโปรแกรมสำเร็จรูป
โปรแกรม หรือ ซอฟแวร์ หมายถึง
ชุดของคำสั่งที่มีการจัดเรียงลำดับได้อย่างถูกต้อง
ซึ่งสามารถทำงานและได้ผลลัพธ์ตามที่ผู้ใช้โปรแกรมต้องการ
(ที่มา : http://nontri.csc.ku.ac.th/~b5240201137/introduction2.html)
นอกจากนี้ โปรแกรมจำแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ
1. โปรแกรมที่ผู้ใช้เขียนขึ้นเอง
(User's Written Program) เป็นโปรแกรมที่ผู้ใช้เขียนสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้ตามความต้องการ
หรือ ตรงตามวัตถุประสงค์ และเหมาะสมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
โดยใช้เทคนิคและความชำนาญของผู้เขียนโปรแกรมด้วย ภาษาคอมพิวเตอร์ ที่นิยมใช้ เช่น
ภาษาเบสิก ภาษาซี เป็นต้น
2. โปรแกรมสำเร็จรูป
(Package Program) เป็นโปรแกรมที่มีผู้เขียนได้เขียนไว้เรียบร้อยแล้ว
โปรแกรมสำเร็จรูปจะให้ความสะดวกในการใช้งานมาก
โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์มากนัก
เพียงแต่เรียนรู้วิธีการใช้งาน ซึ่งส่วนมากจะมีคำอธิบายการใช้โปรแกรมมาให้
และในขณะทำงานก็สามารถขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตลอดเวลาในการใช้โปรแกรมสำเร็จรูป
โปรแกรมสำเร็จรูป (Package Software) คือ ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมประยุกต์ที่มีผู้จัดทำไว้
เพื่อใช้ในการทำงานประเภทต่างๆ โดยที่ผู้ใช้คนอื่นๆ
สามารถนำโปรแกรมไปใช้กับข้อมูลของตนเองได้ แต่จะไม่สามารถทำการดัดแปลงหรือแก้ไขโปรแกรมภายในได้
ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเขียนโปรแกรมเองทั้งหมด ซึ่งประหยัดเวลาและแรงงาน
เพียงแต่มาเรียนรู้วิธีใช้เท่านั้น บางครั้งจะเรียกซอฟต์แวร์ประเภทนี้ว่า COTS
: Commercial off the Shelf (http://202.143.168.214/uttvc/HardwareUtility/page2_2.html)
ซอฟต์แวร์ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ในสำนักงานทั่ว ๆ ไป สร้างโดยบริษัทที่มีความชำนาญในด้านนั้น ๆ โดยเฉพาะมีการปรับปรุงรุ่น (Version) ของซอฟต์แวร์ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอยู่เสมอ โปรแกรมสำเร็จรูปสามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ดังนี้คือ
ซอฟต์แวร์ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ในสำนักงานทั่ว ๆ ไป สร้างโดยบริษัทที่มีความชำนาญในด้านนั้น ๆ โดยเฉพาะมีการปรับปรุงรุ่น (Version) ของซอฟต์แวร์ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอยู่เสมอ โปรแกรมสำเร็จรูปสามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ดังนี้คือ
1. โปรแกรมประมวลผลคำ ใช้สำหรับพิมพ์เอกสารรายงานหรือสร้างตารางแบบต่าง ๆ
2. โปรแกรมตารางงาน ใช้สำหรับคำนวณ สร้างกราฟ และจัดการด้านฐานข้อมูล
3. โปรแกรมนำเสนอผลงาน ใช้ในการนำเสนอผลงานและนำเสนอข้อมูลในรูแปบบสไลด
4. โปรแกรมจัดการฐานข้อมูล
คือ โปรแกรมที่ทำหน้าที่ในการจัดการฐานข้อมูล
5. โปรแกรมเว็บเพจ ใช้ในการเขียนเว็บเพจเพื่อใช้งานในเว็บไซต์ของอินเทอร์เน็ต
6. โปรแกรมสื่อสารระยะไกล ใช้ในการติดต่อสื่อสารทางอินเตอร์เน็ต
7. โปรแกรมเขียนแบบ ใช้ในการออกแบบและเขียนแบบด้านต่าง ๆ เช่น ชิ้นงาน อาคาร
8. โปรแกรมการฟิกส์ ใช้ในการสร้างและจัดการรูปภาพในคอมพิวเตอร์
9. โปรแกรมเพื่อความบันเทิง
ได้แก่ เกมส์ ภาพยนต์และเสียงเพลงต่าง ๆ
10. ฯลฯ
ปัจจัยพื้นฐานที่ควรจะพิจารณาในการเลือกใช้โปรแกรมทางการบัญชีให้เหมาะสมกับองค์กร
โปรแกรมบัญชีที่มีขายอยู่ในประเทศไทยตอนนี้มีอยู่หลายชนิด
ตั้งแต่ประเภทที่รองรับการบันทึกบัญชีและทำงบการเงินเพียงอย่างเดียว (ระบบ GL), ประเภทที่เป็น integrated accounting system คือ เอาระบบการขาย ออกใบกำกับสินค้า ฯลฯ มาเชื่อมกับระบบบัญชีและบันทึกบัญชีโดยอัตโนมัติ
ไปจนถึงระบบซอฟแวร์บัญชีขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมฟังก์ชั่นการวางแผนทรัพยากรขององค์กร (ERP) ไว้ด้วย
ERP
|
Integrated accounting systems
|
ระบบ GL
|
|
1. ราคา
|
สูง
|
ปานกลาง
|
ต่ำ
|
2. ความซับซ้อนในการติดตั้งและนำมาใช้งาน
|
ต้องมีการ customize โดยผู้มีความชำนาญก่อนจึงสามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ
|
ต้อง customize ก่อนบ้าง
บางครั้งอาจไม่ต้อง customize เลย
|
Install แล้วใช้ได้เลย
|
3. Hardware
requirement
|
สูง
|
ปานกลาง/ต่ำ
|
ต่ำ
|
4. ความยุ่งยากในการใช้งาน
|
มีความยุ่งยาก ต้อง train พนักงานก่อนจึงสามารถใช้ระบบได้ถูกต้อง
|
ผู้ติดตั้งระบบแนะนำการใช้งานเบื้องต้นและศึกษาวิธีใช้งานจากคู่มือเพิ่มเติม
|
ศึกษาวิธีใช้งานจากคู่มือด้วยตนเอง
|
5.การบำรุงรักษาหลังจากที่ซอฟแวร์ถูกนำมาใช้แล้ว
|
มีค่าใช้จ่ายสูงทั้งด้านการ upgrade ซอฟแวร์ และการดูแลเครื่อง server
|
มีค่าใช้จ่ายพอสมควรหากต้องการ upgrade เป็น version ใหม่
|
ไม่ค่อยมีการบำรุงรักษา หากต้องการ upgrade มักติดตั้งโปรแกรมใหม่แทนเลยเนื่องจากราคาต่ำ
|
ตารางที่ 1 ปัจจัยพื้นฐานที่ควรจะพิจารณาในการเลือกใช้โปรแกรมทางการบัญชีให้เหมาะสมกับองค์กร
การจัดหาโปรแกรมทางการบัญชี
องค์กรแต่ละแห่งสามารถพัฒนาโปรแกรมทางการบัญชีขึ้นมาเองหรือจะซื้อโปรแกรมสำเร็จรูปจากบริษัทผู้ผลิตโปรแกรมโดยเฉพาะก็เป็นได้
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและทรัพยากรที่มีอยู่ของแต่ละองค์กร
ตารางต่อไปนี้จะแสดงถึงข้อแตกต่างระหว่าง 2 ทางเลือกในการจัดหาโปรแกรมทางการบัญชี
พัฒนาใช้เอง
|
ซื้อสำเร็จรูปจากภายนอก
(Package) |
|
คุณภาพ
|
มั่นใจในคุณภาพ
|
ความสามารถของโปรแกรมอาจไม่ตรงกับลักษณะของธุรกิจ
ทำให้ไม่ได้คุณภาพตามต้องการ
|
การฝึกอบรมและบำรุงรักษา
|
ต้องฝึกอบรมการใช้งานและบำรุงรักษาเอง
|
บริษัทผู้ขายจัดฝึกอบรมและบำรุงรักษา
|
โปรแกรมเมอร์
|
ต้องจ้างโปรแกรมเมอร์มาเขียนโปรแกรม
|
ไม่ต้องจ้างโปรแกรมเมอร์
|
ตรงตามความต้องการ
|
ละเอียด
ตรงตามความต้องการ
|
เป็นมาตรฐาน
อาจต้องมีการแก้ไข ความละเอียดขึ้นอยู่กับราคา
|
ต้นทุน
|
ต้นทุนสูงและยากในการประมาณการล่วงหน้า
|
ต้นทุนต่ำและประมาณการล่วงหน้าได้
|
ระยะเวลา
|
ใช้เวลาในการพัฒนานาน
|
ซื้อเมื่อต้องการ
|
เข้ากันได้กับระบบงาน
|
ออกแบบเพื่อให้เข้ากับระบบงานได้ดี
|
ต้องเลือกประเภทและชนิดที่เข้ากับระบบงานได้มากที่สุด
|
หาได้ในท้องตลาด
|
ไม่มีจำหน่ายในท้องตลาด
|
มีจำหน่ายในท้องตลาด
ราคาอยู่ในระดับที่สามารถซื้อขายได้
|
ตารางที่
2 การจัดหาโปรแกรมทางการบัญชี
ภาพที่
2 ตัวย่าง บริษัท พัฒนกิจ บัญชี ภาษีและฝึกอบรม จำกัด
ที่มา
: www.pattanakit.net
โปรแกรมที่พัฒนาขึ้นมาใช้งานเอง
ข้อดี – ตรงกับความต้องการของผู้ใช้, มีความยืดหยุ่นสูง
ข้อเสีย – ลงทุนสูง, ใช้เวลาในการพัฒนานาน, โอกาสพัฒนาไม่สำเร็จมีสูง
ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงทีมงาน
โปรแกรมสำเร็จรูป (Package)
ข้อดี – สามารถใช้งานได้ทันทีเมื่อทำการติดตั้งสำเร็จ, ราคาถูกกว่าพัฒนาโปรแกรมใช้เองมาก
ข้อเสีย – ไม่มีความยืดหยุ่น, ไม่รับ Modify ให้กับลูกค้า
โปรแกรมที่เป็นกึ่ง Package
เป็นการแก้ปัญหาของโปรแกรมทั้งสองประเภทที่ได้กล่าวมาแล้ว
เมื่อมีโปรแกรมเป็นชุดมาตรฐาน แล้วสามรถนำมา Modify ให้เข้ากับงานของท่านได้โดยเสียค่าใช้จ่ายไม่สูงมาก
ความเหมือนที่แตกต่างของระบบโปรแกรมทางการบัญชี
- ความเหมือน:
ใช้หลักการในทางบัญชีเดียวกัน
ใช้หลักการในทางด้านภาษีเดียวกัน
ขั้นตอนในการทำงานมีลักษณะเดียวกัน
- ความแตกต่าง:
คุณภาพของโปรแกรมที่แตกต่างกัน
ความยากง่ายในการใช้งานที่แตกต่างกัน
ความยืดหยุ่นในการใช้งานแตกต่างกัน
ความสมบรูณ์ของโปรแกรมแตกต่างกัน
ความถูกต้องของโปรแกรมแตกต่างกัน
ความรวดเร็วของโปรแกรมแตกต่างกัน
เสถียรภาพการใช้งานของโปรแกรมที่แตกต่างกัน
แนวทางในการพัฒนาโปรแกรมแตกต่างกัน
ความต่อเนื่องในการพัฒนาแตกต่างกัน
การแนะนำและการอบรมการใช้งานที่แตกต่างกัน
การบริการหลังการขายที่แตกต่างกัน
ความใส่ใจในการบริการลูกค้าที่แตกต่างกัน
การแก้ปัญหาของลูกค้าแตกต่างกัน
ทีมงานขาย, ทีมบริการหลังการขาย, ทีมพัฒนาและทีมบริหารการจัดการที่แตกต่างกัน
องค์ประกอบและงานพื้นฐานของโปรแกรมสำเร็จรูปทางการบัญชี
งานพื้นฐานของโปรแกรมสำเร็จรูปทางการบัญชี มีองค์ประกอบการทำงานดังนี้
1. เทคโนโลยีที่เป็นรากฐานของโปรแกรมทางบัญชี
2. ทางเลือกของผู้ใช้ระบบงาน
3. การกำหนดรหัสผ่าน หน่วยรายงาน และการกำหนดงวดบัญชี
4. การสร้างแฟ้มหลัก การเพิ่ม ลด และเปลี่ยนแปลงข้อมูลในแฟ้มหลัก
5. การป้อนรายการค้าและการตรวจทานรายการค้า
6. การผ่านบัญชี (Posting)
7. การปิดบัญชีเมื่อสิ้นงวด
8. การพิมพ์แบบฟอร์ม
9. การพิมพ์รายงาน
10. การแลกเปลี่ยนโยกย้ายข้อมูลระหว่างระบบบัญชีย่อยและระหว่างโปรแกรม
งานพื้นฐานของโปรแกรมสำเร็จรูปทางการบัญชี มีองค์ประกอบการทำงานดังนี้
1. เทคโนโลยีที่เป็นรากฐานของโปรแกรมทางบัญชี
2. ทางเลือกของผู้ใช้ระบบงาน
3. การกำหนดรหัสผ่าน หน่วยรายงาน และการกำหนดงวดบัญชี
4. การสร้างแฟ้มหลัก การเพิ่ม ลด และเปลี่ยนแปลงข้อมูลในแฟ้มหลัก
5. การป้อนรายการค้าและการตรวจทานรายการค้า
6. การผ่านบัญชี (Posting)
7. การปิดบัญชีเมื่อสิ้นงวด
8. การพิมพ์แบบฟอร์ม
9. การพิมพ์รายงาน
10. การแลกเปลี่ยนโยกย้ายข้อมูลระหว่างระบบบัญชีย่อยและระหว่างโปรแกรม
- โปรแกรมบัญชี ระดับมาตรฐาน
มีผู้ใช้กันอย่างแพร่หลาย และกรมสรรพากรยอมรับ
- พัฒนาโดยบริษัทที่มั่นคง และ
มีชื่อเสียงมายาวนาน ด้วยทีมโปรแกรมเมอร์มืออาชีพ
- ทำงานบน Windows ด้วย ระบบบัญชี ต่าง ๆ
ครบวงจร
- ใช้งานง่าย สะดวก ลดเวลาการทำงาน
และมีรายงานที่สมบูรณ์แบบ
- การอบรมเพื่อการใช้งานได้จริงก่อนซื้อและมีบริการหลังการขายที่ดีเยี่ยม
- สามารถรองรับธุรกิจในอนาคตได้
เช่น E- Commerce
คุณสมบัติของโปรแกรมทางการบัญชีที่ไม่มีคุณภาพ
- เลือกบริษัทที่ไม่มั่นคง
เลิกกิจการแล้วไม่มีใครบริการหลังการขาย
- สถานที่ติดต่อไม่สะดวก
ก่อนซื้อไม่เคยเข้าไปบริษัทที่จำหน่ายโปรแกรม
- เลือกบริษัทที่ไม่มีความรู้ทางด้านบัญชีที่จะคอยให้คำแนะนำในการประยุกต์ใช้โปรแกรม
- เลือกโปรแกรมที่ใช้ Database ไม่ดีพอ (เปรียบเหมือนฐานรากของอาคาร)
- เลือกโปรแกรมที่ไม่สามารถ Modification ให้ท่านได้
ท่านทราบได้อย่างไรว่าความต้องการของท่านมีเพียงเท่านี้
- ผู้จำหน่ายโปรแกรมขาดวิสัยทัศน์ในการพัฒนาโปรแกรมเพื่อชื่อมต่อกับระบบงานอื่น
ๆ ในอนาคต
- ไม่มีคำแนะนำในการเลือกซื้อ Software ให้เหมาะสมกับ Hardware
- ผู้พัฒนาและจำหน่ายไม่มีความรู้ความเข้าใจทางด้านบัญชี
- คำนึงถึงโปรแกรมราคาถูกอย่างเดียว
ลืมคำนึงถึงคุณภาพโปรแกรมและการบริการหลังการขาย & โปรแกรมที่ดีต้องมุ่งเน้นทางด้านการบริการเป็นหลัก
- เลือกบริษัทที่ไม่มีการพัฒนาโปรแกรมอย่างต่อเนื่อง
โปรแกรมล้าสมัย ระบบบัญชีของเราไม่สามารถนำเสนอข้อมูลเพื่อการตัดสินใจได้รวดเร็วเท่ากับคู่แข่งขัน
- Report ที่ได้ไม่ตอบสนองความต้องการของผู้บริหาร
โดยเฉพาะ Software ที่เป็น Package เพราะบางครั้งผู้บริหารลืมให้ความสำคัญกับข้อมูลบางส่วน
ดูรายละเอียดไม่คลอบคุมทั้งหมด
- ไม่มีโอกาสได้ทดลองใช้งานจริง
ก่อนตัดสินใจซื้อท่านควรจะได้ทดลองใช้งานจริงก่อน
- เลือกโปรแกรมที่ใช้งานยาก
โปรแกรมบางตัวคุณสมบัติอาจจะครบถ้วน แต่สิ่งที่จะลืมไม่ได้คือ
ต้องง่ายในการใช้งาน สะดวก รวดเร็ว ครบถ้วน ถูกต้อง
อย่าลืมว่าเรานำโปรแกรมเข้ามาใช้เพื่อประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย
ข้อมูลต้องตอบสนองต่อธุรกิจ
- หลงเชื่อในโฆษณา
เราถามอะไรเขาจะตอบว่าได้หมด ฝ่ายขายไม่มีจรรยาบรรณ
ฝ่ายขายควรนำเสนอสิ่งที่ดี ที่มีอยู่ในโปรแกรมนั้น ๆเป็นหลัก
ไม่ควรที่จะเน้นการขายให้ได้เพียงอย่างเดียว
- เลือกบริษัทที่ไม่มีทีมบริการหลังการขาย
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การบริการหลังการขาย เพราะธุรกิจของคุณจะต้องใช้ Software ไปอีกนานตราบที่ธุรกิจของคุณต้องดำเนินต่อไป
บริษัทที่ขายโปรแกรมอาจบอกท่านว่าไม่รู้เรื่องบัญชีก็ยังใช้งานได้
ท่านเคยคิดไหมว่าทำไมบริษัทใหญ่ ๆ ถึงเลือกโปรแกรมที่มีคุณภาพพร้อมบริการ
แม้เขาจะมีฝ่ายบัญชีที่มีความสามารถ ฝ่าย IT ประจำบริษัทเพราะงาน Software คือ งานบริการหลังการขาย
- ไม่สามารถรองรับธุรกิจในอนาคต
เช่น E- Commerce โปรแกรม DOS ไม่สามารถรองรับได้แน่นอน
ส่วนระบบอื่น ๆ ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบด้วย
- ต้องคุ้มกับเงินที่ลงทุน สิ่งที่สำคัญในการเลือกซื้อโปรแกรมราคาไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่สุด
โปรแกรมถูกอาจไม่คุ้มกับเงินที่ลงทุน
โปรแกรมราคาแพงอาจคุ้มกับเงินที่ลงทุนก็ได้
ต้องเปรียบเทียบอย่างละเอียดว่าซื้อโปรแกรมราคาถูกกับราคาแพงอย่างไหนจะคุ้มกว่ากันต้องพิจารณาในหลายๆ
ประเด็น เข่น คุณภาพของโปรแกรม การบริการหลังการขาย ความยืดหยุ่น
ประหยัดกำลังคน สนองความต้องการข้อมูลของผู้บริหารได้ถูกต้อง รวดเร็ว แม่นยำ
เป็นต้น ขณะเดียวกันโปรแกรมที่ราคาแพงก็รับประกันไม่ได้ว่าจะดีมีคุณภาพเสมอไป
- โปรแกรมไม่มีคุณภาพค่าใช้จ่ายเพิ่มในระยะยาว มีบริษัทจำนวนไม่น้อยที่ใช้โปรแกรมแล้วไม่ได้เป็นการลดค่าใช้จ่ายภายในองค์กรเลย
เพราะโปรแกรมที่ใช้มีความยุ่งยากในการใช้งาน ไม่ยืดหยุ่น
สร้างปัญหาให้กับผู้ใช้งานอยู่ตลอดเวลา
ผู้บริหารควรสังเกตว่าการลงทุนทางด้านไอทีในระยะเริ่มต้นค่าใช้จ่ายจะสูง
แต่นานวันเข้าค่าใช้จ่ายจะลดลงเรื่อยๆ ผิดกับการลงทุนทางด้านบุคคลากร
ช่วงเบื้องต้นค่าใช้จ่ายอาจจะไม่สูงแต่นานวันค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
- จะได้ไม่ต้องซื้อซ้ำ หลายบริษัทมีประสบการณ์ในการซื้อโปรแกรมระบบเดิมๆ
ซ้ำแล้วซ้ำอีก เหตุผลเพียงเพราะว่าไม่ได้พิจารณาอย่างละเอียดก่อนจะซื้อ
ทำให้ใช้งานไปแล้วมีปัญหาต้องหาโปรแกรมใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา
เสียเวลาและค่าใช้จ่ายจำนวนมาก
- คนทำงานจะได้ไม่เกิดความเบื่อหน่ายในการทำงาน มีพนักงานบัญชีจำนวนไม่น้อยที่เกิดความเบื่อหน่ายในการทำงาน
เพราะว่าติดปัญหากับโปรแกรมที่นำมาใช้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้
ทำให้พนักงานทำงานไม่ได้ประสิทธิภาพและประสิทธิผล
บางครั้งเป็นการทนใช้ไปก่อนรอการเปลี่ยนแปลงภายหลัง นานวันเข้าแก้ปัญหาหนักๆ
ไม่ได้ก็ต้องลาออก ทำให้เสียต้นทุนในเรื่องบุคลากรอีก
- การเลือกซื้อโปรแกรมไม่ได้เป็นหน้าที่ของฝ่ายบัญชีฝ่ายเดียว จะเห็นว่าโปรแกรมระบบบัญชีเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน
เช่น
- ระบบใบเสนอราคา, ใบสั่งจอง, ใบสั่งขาย, เกี่ยวข้องกับฝ่ายขาย
- ระบบใบขอซื้อ(PR), ใบสั่งซื้อ(PO) เกี่ยวข้องกับฝ่ายจัดซื้อ
- ระบบลูกหนี้(AR) เกี่ยวข้องกับฝ่ายบัญชี, ฝ่ายสินเชื่อ
- ระบบเจ้าหนี้(AP) เกี่ยวข้องกับฝ่ายบัญชี
- ระบบสินค้าคงคลัง(IC) เกี่ยวข้องกับฝ่ายคลัง, ฝ่ายบัญชี
- ระบบบัญชีแยกประเภท(GL) เกี่ยงข้องกับฝ่ายบัญชี, ฝ่ายการเงิน
- ระบบเช็ค(CQ) เกี่ยวข้องกับฝ่าย
- โปรแกรมของคุณต้องพร้อมเสมอเพื่อรองรับอนาคต ซอฟแวร์ที่คุณซื้อต้องสามารถรองรับความต้องการทั้งในวันนี้และอนาคต
การทำธุรกิจทาง E-commerce จะต้องใช้ Database ที่มีคุณภาพ Database ที่ดีจะต้องมาจากโปรแกรมทีมีคุณภาพเท่านั้น
- บริษัทที่จำหน่ายโปรแกรม Modify โปรแกรมให้เข้ากับงานของคุณหรือไม่ มีบริษัทเป็นจำนวนมาก
ตอนที่เลือกซื้อโปรแกรมมักจะไม่คำนึงถึงหัวข้อนี้
ต่อมาภายหลังมีความต้องการความสามารถของโปรแกรมเพิ่มขึ้นแต่โปรแกรมเดิมไม่สามารถรองรับงานได้
จำเป็นต้องเลิกใช้ทำให้ระบบงานหยุดชะงัก ต้องเริ่มต้นงานใหม่อยู่ตลอดเวลา
ขาดความต่อเนื่องในการทำงาน ในการพัฒนางานให้มีประสิทธิภาพ
- มีการบริการหลังการขายอย่างไรบ้าง นอกเหนือจากโปรแกรมที่มีคุณภาพแล้วสิ่งหนึ่งที่ควรพิจารณาเป็นอย่างยิ่งคือ
การบริการหลังการขาย
การขายโปรแกรมที่จริงแล้วเป็นการขายบริการมากกว่าตัวโปรแกรมเหมือนกับนามธรรม
รูปธรรมคือโปรแกรมต้องสามารถใช้งานได้
ใช้ได้หรือไม่ได้อยู่ที่การบริการเป็นหลัก มีทีมงานไว้คอยบริการลูกค้า
ไม่ใช่เมื่อ 10ปีที่แล้วก็เป็นโปรแกรมบน Dos ขณะนี้ก็เป็นระบบ Dos แถมยังไม่มีการUpgrade ความสามารถอะไรใหม่ๆ ให้กับลูกค้าเลย
ส่วนความมั่นคงขององค์กรที่จำหน่ายโปรแกรมก็มีความสำคัญไม่น้อย
ท่านจะทราบได้อย่างไรว่าโปรแกรมที่ท่านเลือกใช้อยู่ในปัจจุบันนี้ บริษัทฯ
ที่จำหน่ายให้กับท่านจะอยู่บริการท่านต่อไปหรือไม่
มีบางบริษัทได้ตัดสินใจจ้างโปรแกรมเมอร์อิสระพัฒนาโปรแกรมให้ใช้พัฒนาจบส่งมอบงานเสร็จ
ไม่ทราบว่าคนพัฒนาไปอยู่ที่ไหนตามตัวมาแก้ปัญหาก็ยาก
ค่าจ้างก็สูงมากหรือไม่ก็อาจจะไม่รับทำงานให้เลย
ทำให้บริษัทต้องเริ่มต้นใหม่อยู่ตลอด เสียเวลา เสียค่าใช้จ่าย
เสียโอกาสทางธุรกิจเป็นจำนวนมาก
การจัดอันดับโปรแกรมสำเร็จรูปทางการบัญชี
หลายสถาบันมีการจัดอันดับโปรแกรมสำเร็จรูปทางการบัญชีอย่างต่อเนื่องปีละครั้งหรือสองครั้ง เช่น Accounting Software World โดยบริษัท K2 Enterprises ตัวอย่างของโปรแกรมสำเร็จรูปทางการบัญชีเหล่านี้ได้แก่
กิจการขนาดเล็ก (ยอดขายไม่เกิน 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)
1. ACCPAC Advantage Discovery Series
2. BusinessVision32 (Softline Software)
3. Business Works Gold (Best Software)
4. ePeachtree (Best Software)
5. MYOB Plus for windows (MYOB Software)
หลายสถาบันมีการจัดอันดับโปรแกรมสำเร็จรูปทางการบัญชีอย่างต่อเนื่องปีละครั้งหรือสองครั้ง เช่น Accounting Software World โดยบริษัท K2 Enterprises ตัวอย่างของโปรแกรมสำเร็จรูปทางการบัญชีเหล่านี้ได้แก่
กิจการขนาดเล็ก (ยอดขายไม่เกิน 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)
1. ACCPAC Advantage Discovery Series
2. BusinessVision32 (Softline Software)
3. Business Works Gold (Best Software)
4. ePeachtree (Best Software)
5. MYOB Plus for windows (MYOB Software)
กิจการขนาดเล็ก-ขนาดกลาง (ยอดขายไม่เกิน 250 เหรียญสหรัฐฯ)
1. ACCPAC Advantage Series Small Business (ACCPAC International)
2. ACCPAC Pro Series (ACCPAC International)
3. Axapta (Microsoft)
4. e by Epicor (Epicor Software corp.)
5. e-Synergy (Exact Software)
1. ACCPAC Advantage Series Small Business (ACCPAC International)
2. ACCPAC Pro Series (ACCPAC International)
3. Axapta (Microsoft)
4. e by Epicor (Epicor Software corp.)
5. e-Synergy (Exact Software)
กิจการที่ใช้โปรแกรมประเภท ERP เพื่อทำบัญชีการเงิน
(ยอดขายตั้งแต่ 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯขึ้นไป)
1. Axapta (Navision Software)
2. BAAN ERP (Invensys ERP)
3. MAS 500 (Best Software)
4. JBA System21 (JBA International)
5. Great Plains (Microsoft)
6. Lawson Enterprise 400 (Lawson Software)
7. One World (J.D. Edwards)
8. Oracle Financials (Oracle)
9. PeopleSoft (PeopleSoft)
10. SAP R/3(SAP)
1. Axapta (Navision Software)
2. BAAN ERP (Invensys ERP)
3. MAS 500 (Best Software)
4. JBA System21 (JBA International)
5. Great Plains (Microsoft)
6. Lawson Enterprise 400 (Lawson Software)
7. One World (J.D. Edwards)
8. Oracle Financials (Oracle)
9. PeopleSoft (PeopleSoft)
10. SAP R/3(SAP)
รายชื่อโปรแกรมสำเร็จรูปทางการบัญชี
บริษัทผู้ผลิต URL หมวดหมู่ และชื่อผลิตภัณฑ์
ตัวอย่างโปรแกรมสำเร็จรูปทางการบัญชี : บริษัทผู้ผลิต, URL, หมวดหมู่
บริษัทผู้ผลิต
|
URL
|
หมวดหมู่
|
ACCPAC
International
Best software Intuit Microsoft Business Solution
MYOB
US
Netledger Softline Group ACCPAC International Best Software CYMA Systems Intuit Open Systems Softline Group Softrak Systems South Ware Innovations ACCPAC International AccTrak21 USA Best Software Exact Software Microsoft Business Solutions Netledger Open Systems Softline Group SYSPRO ACCPAC International Best Software Epicor Software Exact Software Microsoft Business Solutions SouthWare Innovation Geac J.D. Edwards Lawson Software Oracle PeopleSoft SAP Best Software Cougar Mountain Software CYMA Systems Best Software Blackbaud Intuit |
www.accpac.com
www.bestsoftware.com www.intuit.com www.microsoft.com/money www.microsoft.com/businesssolutions www.myob.com/us www.netledger.com www.businessvision.com www.accpac.com www.bestsoftware.com www.cyma.com www.intuit.com www.osas.com www.businessvision.com www.softrak.com www.southware.com www.accpac.com www.acctrak21.com www.bestsoftware.com www.macola.com www.microsoft.com/businesssolutions www.netledger.com www.osas.com www.accountmate.com www.syspro.com www.accpac.com www.bestsoftware.com www.epicor.com www.esynergyna.com www.microsoft.com/businesssolutions www.southware.com www.geac.com www.jdedwards.com www.lawson.com www.oracle.com www.peoplesoft.com www.sap.com www.bestsoftware.com www.cougarmtn.com www.cyma.com www.bestsoftware.com www.blackbaud.com www.intuit.com
MM = MID MARKET
NFP = Non Profit Organization |
Entry
Entry Entry Entry Entry Entry Entry Entry SMB SMB SMB SMB SMB SMB SMB SMB MM MM MM MM MM MM MM MM MM SME SME SME SME SME SME ERP ERP ERP ERP ERP ERP NFP SMB NFP SMB NFP SMB NFP MM NFP MM NFP MM |
About Quadra
บริษัท ควอดราเทคโนโลยี
จำกัด จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2545 ภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อสร้าง ระบบ ERP ซึ่งเป็นระบบโปรแกรม
เพื่อการบริหาร องค์กร ขึ้นโดยฝีมือคนไทย เนื่องจากทางบริษัทมีวิสัยทัศน์ดังนี้คือ
จัดสร้างโปรแกรม ERP ที่ตอบสนององค์กรธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่
ให้มีความสอดคล้องและสามารถ เปลี่ยนแปลงได้ไม่แพ้ระบบ ERP ของบริษัทต่างประเทศที่ต้องใช้ทุนสูงในการใช้งานและการบริหาร
1) Q-ERP Trading: ระบบโปรแกรมบริหารจัดการและวางแผนสำหรับธุรกิจซื้อมาขายไป/การบริการ
และการกระจายสินค้า ประกอบด้วยระบบจัดซื้อ, ระบบขาย, ระบบคลังสินค้า และระบบบัญชีและการเงิน
ระบบ Q-ERP Trading = Integration ของระบบจัดซื้อ, ระบบขาย, ระบบคลังสินค้า และระบบบัญชีและการเงิน ทำให้ใช้งานง่าย
ได้ข้อมูลละเอียดและถูกต้อง
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานของผู้บริหาร
ด้วยระบบการวิเคราะห์ผลแบบ Pivot Table เช่น ระบบวิเคราะห์ยอดซื้อ, ระบบวิเคราะห์ยอดขาย, ระบบวิเคราะห์คลังสินค้า,ระบบวิเคราะห์ยอดรับจ่ายเงินสด/ธนาคาร
และสามารถปิดงบการเงิน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญทางธุรกิจ
a) Express version
(Q-ERP/xT) : เหมาะสำหรับผู้ใช้งานไม่เกิน 10
Users พร้อมกัน เริ่มต้นระบบได้ง่าย
ราคาประหยัดและมีฟังก์ชั่นการทำงานที่ครบถ้วน
b) Enterprise version
(Q-ERP/eT): เหมาะสำหรับผู้ใช้งานพร้อมกัน 35
Users++ หรือมากกว่า พร้อมฟังก์ชั่นใช้งานเต็มรูปแบบเช่น
ฟังก์ชั่นการอนุมัติเอกสารแต่ละขั้นตอน, รายงานวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆและการกำหนด
ค่า Configuration ต่างๆเพื่อเพิ่มความสามารถทางระบบให้ตรงความต้องการของธุรกิจมากยิ่งขึ้น
2) Q-ERP Manufacturing: ระบบโปรแกรมบริหารจัดการและวางแผนสำหรับธุรกิจการผลิต และการกระจายสินค้า
รองรับธุรกิจ โรงงานผลิตทุกชนิด ประกอบด้วย ระบบจัดซื้อ, ระบบขาย, ระบบคลังสินค้า, ระบบบัญชีและการเงิน และระบบผลิต
ระบบ Q-ERP Manufacturing = Integration ของระบบ Q-ERP Trading + ระบบ Manufacturing ทำให้ใช้งานง่าย ได้ข้อมูลละเอียดและถูกต้อง
ต่อยอดระบบผลิตเชื่อมโยงไปยังข้อมูลระบบต่างๆ
ทั้งเรื่องการคำนวณวัตถุดิบตามสูตรการผลิต และ
ระบบคำนวณต้นทุนผลิตตามสูตรการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานของผู้บริหาร
ที่ต้องวางแผนทั้งการผลิต, สต็อกสินค้าและเรื่องการเงิน
ด้วยระบบการวิเคราะห์ผลแบบ Pivot Table เช่น
ระบบวิเคราะห์ยอดผลิต, ระบบวิเคราะห์ยอดขาย,ระบบวิเคราะห์คลังสินค้า,ระบบวิเคราะห์ยอดรับจ่ายเงินสด/ธนาคาร
และสามารถปิดงบการเงิน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญทางธุรกิจ
a) Express version
(Q-ERP/xM): เหมาะสำหรับผู้ใช้งานไม่เกิน 10
Users พร้อมกัน เริ่มต้นระบบได้ง่าย
ราคาประหยัดและมีฟังก์ชั่นการทำงานที่ครบถ้วน
b) Enterprise version
(Q-ERP/eM): เหมาะสำหรับผู้ใช้งานพร้อมกัน 35
Users++ หรือมากกว่า
พร้อมฟังก์ชั่นใช้งานเต็มรูปแบบรองรับธุรกิจการผลิตด้วย ERP เต็มรูปแบบ (ระบบจัดซื้อ, ระบบขาย, ระบบคลังสินค้า, ระบบบัญชีและการเงิน
และระบบผลิต)เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสต็อกสินค้าแบบเข้มงวด โดยระบบการจอง Lot เพื่อขาย, ระบบ Lot คงเหลือทั้งแบบ FIFO, FEFO และแบบเลือก Lot เองระบบคำนวณต้นทุนผลิตด้วยต้นทุนวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายจริง
3) Frontend Add-ons: ระบบโปรแกรม Frontend Add-ons เป็นระบบที่ใช้หลักการประสาน
(Syncronize) ข้อมูลระหว่างระบบ Q-ERP และ ระบบ Frontend Add-ons โดยอัตโนมัติ
ทำให้ประหยัดเวลา ลดขั้นตอน ลดการซ้ำซ้อน รวมถึงลดข้อผิดพลาดในการบันทึกข้อมูล
a) eCommerce
(Q-ERP/eC): ระบบการจัดการขายสินค้าบน Internet เป็นระบบที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลการขายสินค้าทั้ง รูปภาพ ยอดสต็อค
ราคาขาย คำสั่งซื้อ การชำระเงิน และการลงบัญชีเข้ากับระบบ Q-ERP แบบ real time ทำให้การบริหารจัดการธุรกิจขายสินค้าทาง Internet เป็นไปได้อย่างง่ายและถูกต้อง
b) eHotel
(Q-ERP/eH): ระบบการจัดการโรงแรมและการจองห้องพักบน Internet เป็นระบบที่สามารถเชื่อมโยงระบบการจองห้องพักผ่านระบบ internet สามารถตรวจสอบห้องพักว่างและเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆเช่น ผู้เข้าพัก, วันที่เข้าพัก, ห้องพักที่จอง, การชำระเงิน, ใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี
และระบบัญชีเข้ากับระบบ Q-ERP แบบ real
time ทำให้การบริหารจัดการธุรกิจโรงแรมเป็นไปได้อย่างง่ายและถูกต้อง
บจ. บซิโพเทนเชียล
EasyWebTime เป็นซอฟต์แวร์ประเภท Content Management System (CMS) ที่มีคุณสมบัติมากที่สุดและประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในเมืองไทย ยืนยันได้จากการที่มีหน่วยงานทั้งที่เป็นภาครัฐและเอกชนนำไปใช้งานมากกว่า 100 หน่วยงาน อาทิเช่น
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารกระทรวงแรงงานกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากรมทรัพยากรธรณี
การเคหะแห่งชาติ กรมอนามัยเป็นต้น เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการสร้างและบริหารจัดการส่วนต่างๆ
ทั้งหมดในเว็บไซต์ ช่วยให้การบริหารจัดการเนื้อหาเว็บไซต์เป็นเรื่องง่าย
ผู้ดูแลเนื้อหาในแต่ละส่วนไม่จำเป็นต้องมีทักษะด้านการพัฒนาเว็บไซต์ก็สามารถที่จะทำการอัพเดทข้อมูลได้
ถือได้ว่าเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้บริหารเว็บไซต์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในเมืองไทย
EasyWebTime เป็นซอฟต์แวร์ที่ทำงานในลักษณะ Web Based Application สามารถทำงานตามที่กำหนดผ่านทาง web browser โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยโปรแกรมอื่น
เป็นเครื่องมือที่ใช้บริหารจัดการเว็บไซต์ที่ถูกออกแบบมาอย่างประณีต ใช้งานง่าย
และมีความยืดหยุ่นต่อการใช้งานสูง รองรับผู้ใช้งานได้หลายระดับ
ช่วยจัดการเกี่ยวกับหน้าเนื้อหาเว็บไซต์
ผู้ใช้ระบบสามารถจากหลากหลายหน่วยงานสามารถอัพเดทเนื้อหาเว็บเพจต่างๆ
ที่ตนเองรับผิดชอบได้ สามารถนำข้อมูลหรือไฟล์ต่างๆ ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น MS
Word, Excel, PDF, image, VDO, Flash หรือแม้กระทั่งไฟล์ที่เป็น HTML เป็นต้น
Features
Site
Properties – ผู้ดูแลเว็บไซต์สามารถกำหนดคุณลักษณะต่างๆ
ของเว็บไซต์ได้
Menu
management - ระบบที่ช่วยให้คุณสามารถสร้างและบริหารจัดการเมนูได้ตามที่คุณต้องการ
WYSIWYG
Editor – เป็นระบบจัดการเนื้อหาข้อมูลบนหน้าเว็บเพจ
สามารถจัดการข้อมูลที่ต้องการได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Multimedia,
image, text, sound, video streaming หรือ link ภายใน web page ได้ สามารถปรับแต่ง
ข้อความ และองค์ประกอบต่างๆ ได้ตามต้องการ สามารถจัดรวม contents เข้าด้วยกันเป็นกลุ่มได้หลายระดับ
News/Article
Management – เป็นระบบบริหารจัดการข่าวสารหรือบทความต่างๆ
ของเว็บไซต์ สามารถจัดทำ Hi-light ข่าวต่างๆ
ในหน้าหลัก แล้วทำการเชื่อมโยงไปสู่หน้าเนื้อหาของข่าวสารหรือบทความนั้นๆ ได้
RSS
Service – เป็นระบบที่ให้ผู้ใช้งานระบบสามารถกำหนดข้อมูลที่ตนเองดูแลให้ทำงานในรูปแบบ RSS
service ได้
Gallery
- เป็นระบบจัดการห้องแสดงภาพ
Multimedia
– เป็นระบบที่ใช้ในการบริหารจัดการกับไฟล์ที่เป็น media ต่าง
Banner
- ช่วยให้การบริหารจัดการ banners เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
Guest
book – ระบบบริหารจัดการสมุดเยี่ยม
สามารถให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ เซ็นสมุดเยี่ยมชม และแสดงความคิดเห็นได้ต่างๆ
Web
Board - เป็นระบบเว็บบอร์ดสำเร็จรูปที่มีคุณลักษณะในการบริหารจัดการมากมาย
สามารถบริหารจัดการห้องสนทนาและกระทู้ต่าง ๆ
FAQ
- หรือที่เรียกว่า ระบบบริหารจัดการ Frequently
Asked Questions เป็นระบบจัดการคำถาม-คำตอบ
ที่ได้ถูกตอบผ่านระบบ
Link
Management – ระบบการบริหารลิงค์เว็บไซต์ที่น่าสนใจหรือเว็บไซต์ในสังกัด
Site
map – เป็นระบบการสร้างแผนผังเว็บไซต์แบบกึ่งอัตโนมัติ
Intelligent
Search – ระบบสืบค้นที่มีความสามารถในการสืบค้นได้หลากหลายรูปแบบ
Font
Size Control – มีคุณสมบัติให้ทางผู้ใช้งานสามารถจัดทำ Feature ในเว็บไซต์ให้สามารถปรับขนาดตัวหนังสือใหญ่ – เล็กได้ 3 ระดับ
Counter
- ตัวนับจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์
สามารถตรวจสอบจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ในเบื้องต้นได้ สามารถเห็นยอดผู้เข้าชมในหน้าหลักในเว็บไซต์ได้โดยง่าย
Poll
- เป็นส่วนที่ไว้จัดทำการสำรวจความคิดเห็นผ่านทางหน้าเว็บ
Online
Calendar - ระบบปฏิทินกิจกรรมออนไลน์
ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถกำนดกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นของส่วนตัว
หรือที่ต้องการเผยแพร่ในหน้าเว็บได้
Online
Form/Survey Generator - เป็นระบบที่สามารถสร้างแบบฟอร์มสำหรับเก็บข้อมูลได้หลากหลาย
สะดวกและง่ายต่อการสร้างแบบฟอร์ม
E-Book
- เป็นระบบที่ใช้ในการสร้างและบริหารจัดการ e-book มีที่มีรูปแบบการแสดงผลในลักษณะเหมือนการอ่านหนังสือจริงบนหน้าจอ
Web
Blog – เป็นคุณสมบัติอีกอย่างหนึ่งที่ EasyWebTime ได้สร้างไว้ให้สมาชิกสามารถใช้ได้ เป็นส่วนที่สมาชิกของเว็บไซต์นั้นๆ
สามารถทำการบันทึกบทความของตนเอง (Personal Journal) ลงบนเว็บไซต์
โดยเนื้อหาของ blog นั้นจะครอบคลุมได้ทุกเรื่อง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวส่วนตัว หรือเป็นบทความเฉพาะด้านต่างๆ เช่น เรื่องการเมือง
เรื่องกีฬา เรื่องธุรกิจ เป็นต้น เป็นการแสดงความคิดเห็นของตนเอง
ใส่ลงไปในบทความนั้นๆ เพื่อให้อ่านกันในกลุ่มเฉพาะ หรือสมาชิก
หรือเป็นแหล่งแลกเปลียนความรู้ในหน่วยงาน
Member
Management/Login -เป็นระบบบริหารจัดการสมาชิก (member
system)
Graph
Generator - เป็นระบบสร้างกราฟแบบออนไลน์
Organization
Chart - ในองค์กรที่มีขนาดใหญ่
การสร้างแผนผังองค์กรเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้บุคคลภายนอกรับรู้ถึงโครงสร้างขององค์กร EasyWebTime จึงได้มีระบบบริหารจัดการโครงสร้างหน่วยงาน (organization
chart) เพื่อช่วยให้การบริหารจัดการข้อมูลรายชื่อบุคลากรที่เกี่ยวข้องเป็นเรื่องง่าย
ระบบสามารถช่วยให้คุณสร้างโครงสร้างหน่วยงาน พร้อมรายชื่อบุคลากรได้
System
logs - ระบบรายงานผู้ใช้งานระบบ
เพื่อใช้ในการตรวจสอบการกระทำต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหน้าเว็บในแต่ละช่วงเวลา
E-Newsletter
– ระบบสมัครรับข่าวสารของสมาชิกที่สนใจ (e-newsletter
subscription)
Template
Design –เป็นส่วนการสร้างรูปแบบของเว็บไซต์หรือกำหนดโครงสร้างของ web
page ในลักษณะ Template ช่วยในการควบคุมโครงสร้างหลักของ web
site ให้มีลักษณะเป็นรูปแบบเดียวกัน
Content
Sharing – เป็นระบบฐานข้อมูลกลาง หรือระบบจัดการคลังข้อมูล
ที่สามารถช่วยในการ Share ข้อมูลระหว่างเว็บไซต์ที่อยู่ภายใต้ฐานข้อมูลเดี่ยวกัน
สามารถนำข้อมูลในแต่ละรายการ (item) มาใช้ในหลายๆ
ส่วนของเว็บไซต์ได้ทั้งในอินเทอร์เน็ตและอินทราเน็ต และนำเสนอได้หลายๆ จุด (multi-site) โดยที่เจ้าของข้อมูลนั้นเป็นผู้อัพเดทเพียงคนเดียว
Multi-language
Support – EasyWebTime ช่วยให้คุณสามารถสร้างเว็บไซต์ที่มีหลายภาษาได้ง่ายขึ้น
Multi-site
Support – EasyWebTime ช่วยให้คุณสามารถสร้างเว็บไซต์ได้เท่ากับจำนวนที่คุณต้องการไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์หลัก
เว็บไซต์ย่อยภายในหน่วยงาน หรือเว็บไซต์เฉพาะกิจ
Web
Wizard – เป็นระบบบริหารการสร้างเว็บไซต์
Web
Analytics – ระบบรายงานสถิติผู้เข้าชมเว็บไซต์ (Visitor
stats) โดยผู้ดูแลระบบสามารถดูสถิติของผู้เข้าชมเว็บไซต์
Flexible
Security Level – ในการบริหารจัดการการใช้งานระบบของ EasyWebTime ผู้ดูแลระบบสามารถกำหนดสิทธิของผู้เข้าใช้งานในแต่ละโมดูล
และการเข้าถึงข้อมูลได้ในลักษณะ (Multi-tier admin/user level)
Update
Web via Mobile – เทคโนโลยีล่าสุดที่ทาง บิซโพเทนเชียล
ภูมิใจนำเสนอ คือ ระบบการส่งข้อมูลภาพนิ่งและข้อความจากอุปกรณ์สื่อสารไร้สาย
ผู้ใช้งานสามารถทำการส่งข้อมูลภาพนิ่งและข้อความจากอุปกรณ์สื่อสารไร้สายชนิดโทรศัพท์เคลื่อนที่ PDA หรือ คอมพิวเตอร์ชนิด notebook ได้
โดยระบบสามารถนำข้อมูลภาพนิ่งและข้อความดังกล่าวขึ้นแสดงบนเว็บไซต์ได้โดยอัตโนมัติ
หรือตามเงื่อนไขที่กำหนด
Schedule
content – คุณสมบัติพิเศษอีกอย่างที่ EasyWebTime ได้จัดทำไว้ คือ
การตั้งเวลาในการที่จะให้ระบบสามารถที่จะนำข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่ได้จัดทำขึ้น
ขึ้นสู่เว็บไซต์ได้โดยการตั้งเวลาตามความเหมาะสม
หรือให้สอดคล้องกับสถานะการณ์ที่ได้ถูกกำหนด
โดยผู้ดูแลระบบเพียงกำหนดเวลาที่จะนำข้อมูลนั้นๆ เผยแพร่ตามวัน เวลาที่กำหนด
Custom
Code – ความยืดหยุ่นอีกประการหนึ่งที่คุณสามารถพบได้ในระบบ EasyWebTime คือ ระบบการเขียนโค้ด
ระบบนี้จะช่วยให้ผู้ดูแลระบบที่มีความสามารถในการเขียนโค้ดหรือนักพัฒนา
สามารถที่จะพัฒนาคุณสมบัติอื่นๆ เพิ่มเติมให้กับเว็บไซต์ได้ที่ตนดูแลอยู่ได้
หรือเป็นการนำเอาฐานข้อมูลที่มีอยู่ในองค์กรมานำเสนอในหน้าเว็บไซต์ได้โดยไม่ยาก
Online
Users – ระบบสามารถแสดงให้เห็นได้ว่าขณะนี้มีจำนวนผู้ที่ชมเว็บไซต์ของท่านอยู่เป็นจำนวนเท่าไร
Personalized
Theme – EasyWebTime ได้ถูกออกแบบมาให้รองรับกับความเป็นสมาชิกเฉพาะกลุ่มของเว็บไซต์ได้
อ้างอิง :
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น