การควบคุมภายใน
การควบคุมภายใน
หมายถึง กระบวนการที่ผู้บริหารและบุคลากรขององค์กรจัดให้มีขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจอย่างสมเหตุสมผลว่า
การดำเนินงานขององค์กรจะบรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ตามคำจำกัดความของการควบคุมภายใน
ได้กล่าวถึงเรื่องวัตถุประสงค์ของการดำเนินงานซึ่งอาจจำแนกวัตถุประสงค์ของการดำเนินงาน
เป็น 3 ประเภท คือ
1) ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการดำเนินงาน คือ
วัตถุประสงค์พื้นฐานของการดำเนินงานในทุกองค์กร
โดยมุ่งเน้นที่กระบวนการปฏิบัติงานที่มีคุณภาพ
และเอื้ออำนวยให้การดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ในขณะเดียวกัน ผลที่ได้รับจากกระบวนการนั้นต้องคุ้มค่ากับต้นทุนที่ใช้ไปจึงจะทำให้เกิดความมีประสิทธิภาพ
2) ความน่าเชื่อถือของรายงานทางการเงิน คือ
การจัดให้มีข้อมูลและรายงานทางการเงินที่ถูกต้อง เพียงพอ และเชื่อถือได้
เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริหาร บุคลากรในองค์กร และบุคคลภายนอกในการนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประกอบการพิจารณาตัดสินใจในเรื่องต่าง
ๆ
3)
การปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง คือ
การมุ่งเน้นให้กระบวนการปฏิบัติงานเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
เงื่อนไขตามสัญญา ข้อตกลง นโยบาย และแนวทางการปฏิบัติงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
กรอบแนวคิดระบบการควบคุมภายใน
COSO2013
คณะกรรมการร่วมของสถาบันวิชาชีพ 5 สถาบันในสหรัฐอเมริกาซึ่งเรียกว่าCommittee of Sponsoring Organizations of the Treadway Commission(COSO)ได้กำหนดกรอบแนวคิดการควบคุมภายใน(COSO Framework) ที่ปรับปรุงมาจากแนวคิดพื้นฐานเดิมของ COSO ปี 1992 โดยเพิ่มเติมในส่วนต่างๆ ให้ชัดเจนขึ้น เรียกกันว่า COSO 2013
สำหรับใช้เป็นแนวทางการควบคุมภายในขององค์กรและเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมของธุรกิจในปัจจุบัน
องค์ประกอบการควบคุมภายใน COSO 2013 ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ
17 หลักการ
องค์ประกอบที่
1: สภาพแวดล้อมการควบคุม (Control
Environment)
หลักการที่
1 – องค์กรยึดหลักความซื่อตรงและจริยธรรม
หลักการที่
2 – คณะกรรมการแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อการกำกับดูแล
หลักการที่
3 – คณะกรรมการและฝ่ายบริหาร มีอำนาจการสั่งการชัดเจน
หลักการที่
4 – องค์กร พัฒนา รักษาไว้ และจูงใจพนักงาน
หลักการที่
5 – องค์กรผลักดันให้ทุกตำแหน่งรับผิดชอบต่อการควบคุมภายใน
องค์ประกอบที่
2: การประเมินความเสี่ยง (Risk
Assessment)
หลักการที่
6 – กำหนดเป้าหมายชัดเจน
หลักการที่
7 – ระบุและวิเคราะห์ความเสี่ยงอย่างครอบคลุม
หลักการที่
8 – พิจารณาโอกาสที่จะเกิดการทุจริต
หลักการที่ 9 – ระบุและประเมินความเปลี่ยนแปลงที่จะกระทบต่อการควบคุมภายใน
องค์ประกอบที่
3: กิจกรรมการควบคุม (Control Activities)
หลักการที่
10 – ควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้
หลักการที่
11 – พัฒนาระบบเทคโนโลยีที่ใช้ในการควบคุม
หลักการที่
12 – ควบคุมให้นโยบายสามารถปฏิบัติได้
องค์ประกอบที่ 4: สารสนเทศและการสื่อสาร (Information and
Communication)
หลักการที่
13 – องค์กรมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องและมีคุณภาพ
หลักการที่
14 – มีการสื่อสารข้อมูลภายในองค์กร ให้การควบคุมภายในดำเนินต่อไปได้
หลักการที่15–มีการสื่อสารกับหน่วยงานภายนอก
ในประเด็นที่อาจกระทบต่อการควบคุมภายใน
องค์ประกอบที่ 5:
กิจกรรมการกำกับติดตามและประเมินผล (Monitoring Activities)
หลักการที่
16 – ติดตามและประเมินผลการควบคุมภายใน
หลักการที่
17 – ประเมินและสื่อสารข้อบกพร่องของการควบคุมภายในทันเวลา และเหมาะสม
ทั้งนี้ องค์ประกอบการควบคุมภายในแต่ละองค์ประกอบและหลักการจะต้อง Present
& Function (มีอยู่จริงและนำไปปฏิบัติได้) อีกทั้งทำงานอย่างสอดคล้องและสัมพันธ์กัน
จึงจะทำให้การควบคุมภายในมีประสิทธิผล
กิจกรรมการควบคุมภายใน
กิจกรรมการควบคุมเป็นองค์ประกอบที่จะช่วยให้มั่นใจได้ว่า
นโยบายและกระบวนการเกี่ยวกับการควบคุมภายในกำหนดขึ้นนั้น
ได้มีการนำไปปฏิบัติตามภายในองค์กรอย่างทั่วถึง นอกจากนี้
กิจกรรมการควบคุมยังช่วยสร้างความมั่นใจว่าองค์กรมีกิจกรรมที่เหมาะสมในการป้องกันหรือลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
ดังนั้น กิจกรรมการควบคุมควรกำหนดให้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่ประเมินได้
โดยมีข้อควรพิจารณาในการกำหนดกิจกรรมการควบคุม ดังต่อไปนี้
•
กิจกรรมการควบคุมควรเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการปฏิบัติงานตามปกติ
•
กิจกรรมการควบคุมต้องสามารถป้องกันหรือลดความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้
•
ค่าใช้จ่ายในการกำหนดให้กิจกรรมการควบคุมต้องไม่สูงกว่าผลเสียหายที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
หากไม่กำหนดให้มีกิจกรรมการควบคุมปัญหาที่เกิดขึ้นกับองค์กรส่วนใหญ่ คือ
การกำหนดกิจกรรมการควบคุมตามที่มีการปฏิบัติอยู่เดิม
โดยมิได้พิจารณาความมีประสิทธิภาพ และความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ของการดำเนินงาน
และความเสี่ยงที่เปลี่ยนไปขององค์กร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น